"ประแจแหวน (Ring Wrench)" เป็นประแจที่มีลักษณะเป็นวงแหวนที่ส่วนหัวทั้งสองด้านหรือเพียงด้านเดียว ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์พื้นฐานในการซ่อมแซมที่ควรมีติดบ้านไว้ โดยประแจแหวนในประเทศไทยนั้นได้ถูกผลิตและจัดจำหน่ายจากหลากหลายผู้ผลิต ทั้งยังมีหลายประเภทสำหรับการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งใครที่ไม่เคยทราบข้อมูลเกี่ยวกับประแจแหวนมาก่อนก็อาจทำให้เกิดความสับสนในตอนเลือกซื้อได้ครับ
บทความนี้เราจึงจะมาแนะนำวิธีการเลือกประแจแหวน พร้อมทั้งนำประแจแหวน 10 รุ่นที่ได้รับความนิยม มาแนะนำให้คุณได้พิจารณาเลือกซื้อในรูปแบบของการจัดอันดับ หากคุณกำลังมองหาประแจแหวนอยู่ล่ะก็ สามารถติดตามบทความนี้ของเราได้เลยครับ
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า ประแจแหวนนั้นมีหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็ยังเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป เรามาดูกันว่า วิธีการเลือกประแจแหวนที่คุณควรทราบนั้นจะมีอะไรบ้าง
ก่อนที่จะเลือกขนาดและความยาวของประแจแหวน ควรเลือกประเภทของประแจแหวนให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละสถานการณ์ เราจึงขอแนะนำประแจแหวนที่ใช้กันทั่วไป ซึ่งมีทั้งหมด 5 ประเภทดังนี้
ในบรรดาประแจแหวนทั้งหมด "ประแจแหวนคอเอียง (Offset)" ถือได้ว่าเป็นประแจแหวนที่ถูกใช้งานมากที่สุด และที่ถูกเรียกว่า "ประแจแหวนคอเอียง" นั้น ก็เป็นเพราะบริเวณคอของประแจถูกออกแบบให้มีความเอียง ซึ่งทำให้เราสามารถขันน็อตได้สะดวกยิ่งขึ้น แม้จะเป็นพื้นที่ราบเรียบก็ตาม
ในปัจจุบัน ประแจแหวนคอเอียงนั้นมีด้วยกันทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ คอเอียง 15 องศา, 45 องศา, 60 องศา และ 75 องศา ซึ่งจะมีขนาดแตกต่างกันออกไปตามความต้องการในการใช้งาน หากคุณกำลังมองหาประแจแหวนสักอันไว้ติดบ้านล่ะก็ ประแจแหวนคอเอียงนี้ก็ถือได้ว่าเป็นแบบพื้นฐานที่ควรมีมากที่สุดครับ
บางครั้งเราอาจต้องการขัน "สลักเกลียว (Bolts)" หรือ "น็อต (Nuts)" ในพื้นที่แคบหรือพื้นที่มุมอับ ทำให้การใช้ประแจแหวนคอเอียงเป็นไปได้อย่างยากลำบาก เราจึงขอแนะนำให้คุณเลือกใช้ "ประแจแหวนตรง (Straight)" จะช่วยให้สามารถใช้งานได้สะดวกมากกว่าครับ
หากเป็นประแจแหวนโดยทั่วไปแล้ว เมื่อต้องการไขสลักเกลียวหรือขันน็อตให้แน่น จะต้องทำการขันโดยการยกประแจออกเมื่อสุดรอบของประแจแหวน แล้วจึงขันใหม่เรื่อย ๆ จนกว่าสลักเกลียวหรือน็อตจะแน่น แต่ถ้าหากคุณเลือกใช้ "ประแจแหวนฟรี (Ratchet)" จะสามารถขันได้เรื่อย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องยกประแจออกเพื่อขันใหม่
การใช้ประแจฟรีนั้น ช่วยให้การทำงานในการไขสลักเกลียวหรือน็อตของคุณง่ายขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่แคบ เพราะไม่จำเป็นต้องเสียเวลายกประแจแหวนเพื่อขันน็อตใหม่เรื่อย ๆ นอกจากนี้ ประแจแหวนประเภทนี้ยังมีหลายคุณสมบัติ เช่น เปลี่ยนขนาดของวงแหวนได้ ปรับให้หมุนไปซ้าย-ขวาได้ตามต้องการ หรือแม้กระทั่งแบบที่สามารถหมุนได้ทั้งสองทางโดยไม่ต้องปรับเลยครับ
อย่างที่รู้กันดีว่า ประแจแหวนนั้นมักจะมีวงแหวนทั้งหัวและท้ายไว้สำหรับขันสลักเกลียวและน็อตให้แน่นเข้าด้วยกันตามที่เราต้องการ อย่างไรก็ตาม ยังมีประแจแหวนอีกประเภทหนึ่งที่มีรูปร่างน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นประเภทที่มีหัวเพียงด้านเดียว นั่นก็คือ "ประแจแหวนหางหนู (Podger)" โดยอีกด้านหนึ่งของประแจนั้น มีลักษณะเหมือนหางหนู ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้กันในงานวิศวกรรมและงานก่อสร้าง
ประโยชน์ของส่วนหางหนูจะมีไว้สำหรับการปรับแต่งรูปร่างของโครงเหล็ก เพื่อให้มีขนาดของรูที่ต้องการขันพอดีกับสลักเกลียว หรือเพื่อปรับแต่งตำแหน่งของรูให้มีความพอดีมากขึ้น
สลักเกลียวหรือน็อตบางประเภทอาจจะมีขนาดที่ใหญ่จนเกินไป ทำให้ไม่สามารถขันได้ง่าย ซึ่ง "ประแจแหวนตี (Striking/Hammer)" ถูกคิดค้นมาเพื่อแก้ปัญหาตรงจุดนี้ โดยมีวิธีการใช้งาน คือ ในขณะที่คุณกำลังทำการไขอย่างยากลำบากอยู่นั้น สามารถใช้ค้อนหรือแม่แรงเพื่อช่วยกระแทกไปที่บริเวณส่วนหางของประแจแหวนตี ทำให้ขันได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นนั่นเอง
โดยส่วนใหญ่แล้ว ประแจแหวนตีนั้นจะมีขนาดของวงแหวนที่ใหญ่ ดังนั้น ก่อนทำการเลือกซื้อ อย่าลืมตรวจสอบขนาดของประแจแหวนตีให้ถี่ถ้วนด้วยนะครับ
"ประแจแหวนข้างปากตาย (Combination)" เป็นประแจที่รวมระหว่าง "ประแจแหวน" และ "ประแจปากตาย" เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น หลากหลาย โดยเฉพาะในพื้นที่แคบ โดยหัวประแจทั้งสองข้างนั้นจะมีขนาดเท่ากัน จึงเหมาะกับการใช้งานในสถานการณ์เดียวกัน หรือสลักเกลียวและน็อตที่มีขนาดเดียวกันเท่านั้น
สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกประแจแหวน คือ การเลือกขนาดของหัวประแจให้มีขนาดที่เท่ากันกับสลักเกลียวและน็อตที่คุณต้องการทำการขัน เพราะถ้าหากเป็นคนละขนาดกันแล้ว อาจทำให้สลักเกลียวและน็อตที่ขันนั้นไม่แน่น หรือเกิดความเสียหายขึ้นได้
โดยขนาดของหัวประแจแหวนนั้นจะใช้หน่วยวัดเป็น "มิลลิเมตร (mm)" ซึ่งถ้าหากเป็นประแจวงแหวนแบบสองหัว ก็จะมีขนาดที่แตกต่างกันทั้งสองหัวนั่นเอง เช่น หากอีกฝั่งมีขนาด 8 mm อีกฝั่งก็อาจจะมีขนาด 9 mm และจะมีการระบุไว้ให้เข้าใจง่าย ๆ เช่น 8 x 9 เป็นต้น โดยปกติแล้ว ขนาดของประแจแหวนแบบยาวจะมีขนาดตั้งแต่ 8 x 9 ถึง 24 x 27 และประแจแหวนแบบสั้น จะมีขนาดตั้งแต่ 8 x 9 ถึง 14 x 17 ดังนั้น จึงควรตรวจสอบสลักเกลียวและน็อตที่ต้องการจะใช้งานอย่างละเอียด เพื่อที่คุณจะได้ไม่ใช้งานประแจแหวนอย่างผิดพลาดนั่นเองครับ
ความยาวของประแจแหวนนั้น แบ่งออกเป็นสองประเภท คือ "แบบยาว" และ "แบบสั้น" ถ้าหากคุณต้องการขันสลักเกลียวและน็อตให้แน่น ควรเลือกประแจแหวนแบบยาว เพราะยิ่งประแจแหวนมีความยาวมากเท่าไร ยิ่งทำให้สามารถขันได้อย่างทรงพลัง และแน่นหนามากยิ่งขึ้นครับ
แต่ถ้าหากคุณจำเป็นต้องทำงานในพื้นที่แคบ เราขอแนะนำให้เลือกประแจแหวนแบบสั้น เพราะจะช่วยให้สามารถทำงานได้สะดวกขึ้น โดยไม่ติดขัด ถึงแม้ว่าพลังในการขันจะลดลงกว่าประแจแหวนแบบยาวก็ตาม
หลังจากที่ได้ทราบวิธีการเลือกประแจแหวนกันไปแล้ว ต่อจากนี้ไปเรามาดูกันเลยดีกว่าครับว่า 10 อันดับ "ประแจแหวน" ที่เราคัดสรรมานั้น จะมีรุ่นไหนที่ตรงกับความต้องการในการใช้งานของคุณบ้าง
เป็นที่ทราบกันดีว่า "ประแจแหวนหางหนู" หรือ "ประแจแหวนหัวเดียวปลายแหลม" เป็นประแจแหวนที่ไม่ได้ถูกใช้ในงานซ่อมแซมทั่วไป และมักใช้กันในพื้นที่ก่อสร้าง หรืองานด้านวิศกรรมเป็นหลัก โดยประแจแหวนหางหนูรุ่นนี้ ถูกผลิตขึ้นจากโลหะคุณภาพดี จับใช้งานง่ายและถนัดมือขึ้นด้วยรูปลักษณ์ที่เรียวยาว หางหนูมีความแข็งแรง ช่วยแก้ไขหน้างานที่รูของสลักเกลียวหรือน็อต ที่อาจจะมีขนาดเล็กเกินไปให้ขยายใหญ่ขึ้น สามารถขันได้อย่างราบรื่น ไม่มีติดขัดครับ
สำหรับประแจแหวนตีรุ่นนี้มีให้เลือกหลายขนาด เหมาะสำหรับการใช้งานขันสลักเกลียวหรือน็อตที่มีขนาดใหญ่ที่ต้องการแรงขัน หรือแรงในการคลายสลักที่มากกว่าปกติ ซึ่งประแจแหวนตีรุ่นนี้ ผลิตจากโลหะผสมกันสองชนิดระหว่าง "โมลีบีนัม" และ "โครเมียม" ช่วยให้มีความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้นกว่าประแจแหวนประเภทอื่น ๆ เพราะถูกออกแบบให้สามารถรองรับแรงกระแทกจากค้อน หรือวัตถุที่มีความแข็งแรงมากกว่าประแจแหวนทั่วไปได้
หากคุณกำลังมองหาประแจแหวนที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายในการใช้งานให้กับผู้ใช้ได้อย่างยืดหยุ่น ขอแนะนำรุ่นนี้เลยครับ เพราะมีส่วนประกอบของประแจแหวนสองชนิดเข้าด้วยกัน คือ "ประแจแหวนตรง" ขนาด 8 mm และ "ประแจแหวนคอเอียง" ขนาด 9 mm ผลิตจากเหล็ก CR-V (Chrome Vanadium) พร้อมด้ามจับขนาดยาว เพิ่มความแข็งแรงมากขึ้น เหมาะสมกับการใช้งานในสถานการณ์ที่ต้องอาศัยความหลากหลายของอุปกรณ์ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนประแจแหวนบ่อย ๆ ช่วยให้ทำงานได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้น
ประแจแหวนคู่คอเอียงที่มีความแข็งแรงทนทาน ผลิตจากโลหะชุบโครเมียมคุณภาพดี มีความเงางาม ไม่ทำให้เกิดสนิม แสดงให้เห็นถึงความประณีตในการผลิตที่มีคุณภาพ โดยมีหลายขนาดให้เลือกใช้ตามความต้องการในการใช้งาน ทั้งยังสามารถจัดเก็บได้ง่ายตามช่องของประแจแหวนแต่ละขนาดด้วย นอกจากนี้ ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2008 ทำให้ช่วยเพิ่มความไว้วางใจในเรื่องของมาตรฐานการผลิตและคุณภาพของสินค้ามากขึ้น ทั้งยังสามารถใช้กับงานหนักได้ด้วยครับ
สำหรับประแจแหวนฟรีข้างปากตายรุ่นนี้ มีความโดดเด่นเรื่องความแข็งแรงเป็นอย่างมาก เนื่องจากผลิตจากเหล็ก CR-V คุณภาพสูงอย่างประณีต แข็งแรงทนทาน มีความเงางาม ตามมาตรฐานประเทศเยอรมนี ช่วยให้งานขันสลักเกลียวและน็อตเสร็จสิ้นได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว สามารถใช้งานได้หลากหลายขึ้นด้วยหัวประแจปากตาย ใช้ได้เหมาะสมกับทุกสภาพงาน ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานระดับมืออาชีพ มาพร้อมซองเก็บประแจแหวน จึงพกพาได้สะดวกยิ่งขึ้นครับ
คุ้มสุด ๆ ไปเลยกับประแจแหวนคอเอียงรุ่นนี้ที่มีมาให้ทั้งหมด 12 ชิ้นภายในชุดเดียว โดยมีขนาดตั้งแต่ 6 - 32 mm ตัวประแจแหวนผลิตจากเหล็ก CR-V (Chrome Vanadium) คุณภาพเยี่ยม แข็งแรงทนทานตลอดการใช้งานอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้ผลิตอย่างยี่ห้อ TOTAL เอง ได้กำหนดให้ชุดประแจแหวนรุ่นนี้เป็นประเภทรุ่น "งานหนัก (Industrial)" ที่รองรับทุกรูปแบบในการใช้งาน ตั้งแต่งานทั่วไปไปจนถึงงานระดับ "อุตสาหกรรม" เลยทีเดียวครับ
ประแจแหวนข้างปากตายชุดนี้มีทั้งหมด 14 ชิ้น สามารถใช้กับขนาดของสลักเกลียวและน็อตได้ตั้งแต่ 8 - 24 mm เลยทีเดียว ผลิตจากเหล็กคุณภาพดี เนื้อแน่น เคลือบด้วย CR-V (Chrome Vanadium) ผิวทรายด้าน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้กับประแจ นอกจากนี้ ยังเพิ่มความมั่นใจในกระบวนการผลิตด้วยมาตรฐาน ISO 9002 ซึ่งช่วยรับประกันได้เลยว่า ประแจแหวนชุดนี้ผลิตขึ้นมาด้วยมาตรฐานสากลที่เชื่อถือได้ เหมาะสำหรับใช้ซ่อมยานพาหนะต่าง ๆ ครับ
ชุดประแจแหวนข้างปากตายอีกรุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหมู่ช่างเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีราคาที่ย่อมเยา แต่ก็มีคุณภาพดีไม่เป็นรองใคร ผลิตด้วยเหล็ก "Alloy Steel" ที่มีความแข็งแรง ด้วยกระบวนการผลิตแบบ "Drop Forged" มาตรฐานเครื่องมือช่างเช่นเดียวกับที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ได้เนื้อเหล็กเหนียวและทนทานกว่าเหล็กชนิดอื่น สามารถรองรับแรงขันได้มาก นอกจากนี้ ยังถูกรับรองด้วยมาตรฐาน ISO 9001 และมีขนาดให้เลือกใช้หลากหลายตั้งแต่ 8 - 24 mm ครับ
ประแจแหวนคอเอียง 45 องศาจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีตัวประแจผลิตจากเหล็ก "Alloy Steel" คุณภาพดี มีความแข็งแกร่ง ทนทานต่อทุกประเภทการใช้งาน สามารถใช้งานกับพื้นที่แคบได้อย่างดี มีการชุบผิว "Satin" ช่วยป้องกันรอยที่จะเกิดบนประแจแหวนได้ดีมากยิ่งขึ้น ด้วยคุณภาพที่ดีขนาดนี้จึงได้รับมาตรฐานเหล็กอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น หรือ "JIS (Japaness Industrial Standards)" คุณจึงหมดห่วงทุกข้อกังหาในเรื่องของคุณภาพไปได้เลยครับ
ชุดประแจแหวนข้างปากตายอีกหนึ่งรุ่นที่ถือว่ามีมาตรฐานที่สูง ผลิตจากเหล็กกล้าคาร์บอนคุณภาพเยี่ยม แข็งแรงทนทาน มีผิวสัมผัสแบบด้าน ช่วยให้จับถนัดมือมากขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยี MAXI-DRIVE ที่ลดการสึกหรอของหัวน็อต นอกจากนี้ ประแจแหวนทุกชิ้นยังได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานการผลิต ไม่ว่าจะเป็น "ANSI" จากสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วย "ISO" และ "DIN" ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นมาตรฐานระดับโลก ทำให้รับรองได้เลยว่า เงินในกระเป๋าที่เสียไปนั้นคุ้มค่าแน่นอนครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับบทความของเราวันนี้ หวังว่าคงจะช่วยทำให้คุณสามารถเข้าใจถึงวิธีการเลือกประแจแหวนและจุดที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษได้ รวมถึง 10 อันดับประแจแหวนที่เราทำการคัดสรรและนำมาแนะนำให้กับคุณในวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ มีเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งานจริง รับรองว่าใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและทนทานครับ
โดยประแจแหวนแต่ละประเภทนั้นก็มีคุณสมบัติในการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น หากคุณใช้ประแจแหวนให้เหมาะสมกับงานแล้วล่ะก็ จะทำให้งานหนักกลายเป็นงานที่เบาขึ้นและช่วยให้งานที่คุณทำนั้นสำเร็จได้อย่างรวดเร็วและไร้ซึ่งปัญหาอย่างแน่นอน