อุปกรณ์สําหรับการทําดีท๊อกซ์ ประกอบด้วย ขวดพลาสติกกลมขนาด 1300 cc.(มีระดับน้ําบอก) พร้อมสายยางยาวประมาณ 1.5 เมตร ฝาสีเขียว และตัวล็อคสาย(ใช้ควบคุมการไหลของน้ํา) ขวดสามารถทําความสะอาดและนํากลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้ง จนกว่าขวดหรือสายจะดํา ซึ่งส่วนใหญ่สายจะดําก่อน จึงซื้อเฉพาะสาย+ฝามาเปลี่ยนได้ ไม่จําเป็นต้องเปลี่ยนทั้งขวด ขวดฝาสีเขียว และ สีขาว ต่างกันที่ขวดฝาเขียวสายยางจะเล็กและนิ่มกว่า น้ําไหลช้า เหมาะกับผู้เริ่มทํา หรือยังไม่ชํานาญ ส่วนขวดฝาขาวสายยางจะใหญ่ และแข็งกว่า น้ําไหลเร็ว เหมาะกับผู้ที่ทําเป็นประจํา หรือชํานาญแล้ว การล้างพิษลําไส้ (detoxification) เรื่องขับถ่าย ใครว่าไม่สําคัญ ปัจจุบันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับการรักษาแนวชีวจิต หรือดีทอกซ์มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นบางคนอาจมีประสบการณ์ตรง หรือคนใกล้ชิดใช้วิธีนี้อยู่ โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง เนื่องจากไม่กี่ปีก่อนมีผู้หายขาดจากมะเร็งภายหลังจากใช้วิธีนี้และเริ่ม เผยแพร่ ข้อมูลให้แก่ ประชาชนทั่วไป ได้รับความเชื่อถือและมีการทดลองรักษาตามจนเกิด เป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรค มีผู้ให้ความสําคัญของ ผลิตภัณฑ์ จากธรรมชาติมีมากขึ้น ดีทอกซ์ แท้จริงแล้วคืออะไร ดีท็อกซ์ คือ การล้างลําไส้ใหญ่เพื่อล้างและกําจัดกากใยอาหาร ที่อาจตกค้างอยู่ตามรอยหยักของลําไส้ใหญ่และอาจเป็นของเสียที่มีพิษอันเป็นสาเหตุของมะเร็งลําไส้ ถ้าท่านมีปัญหาเหล่านี้ - ไม่ขับถ่ายหรือมีเศษอาหารหลงเหลือในลําไส้เป็นเวลานาน - มีกลิ่นปาก ,ลมหายใจไม่สดชื่น ,มีกลิ่นตัว - หิวบ่อย ,เป็นโรคอ้วน - มีโรคภัยไข้เจ็บเรื้อรังเป็นเวลานาน การล้างลําไส้อาจช่วยท่านได้ ประโยชน์ของการล้างลําไส้ คือ การทําความสะอาดลําไส้และขจัดสิ่งสกปรกของเสียในร่างกาย กากอาหารทั้งสารพิษตกค้างที่อยู่ภายในลําไส้ให้หมดไป เนื่องจากของเสียเหล่านั้นมักถูกขับถ่าย ออกมาตามธรรมชาติไม่หมด จึงทําให้เกิดการตกค้างหรือเกาะติดอยู่ตามผนังลําไส้ เป็นตะกรันในรูปของอุจจาระ เนื้อเยื่อของเซลล์ที่ตายแล้ว พยาธิและน้ําเมือกที่ถูกสะสมไว้ สิ่งเหล่านี้จะเป็นผลร้ายต่อร่างกายจนทําให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามที่กล่าวมาแล้วการล้างสารพิษ คือขบวนการเริ่มต้นของการดูแลสุขภาพ โดยมีอยู่หลายวิธี เช่น 1. การสวนทวาร 2. การอบไอน้ําและอบซาวน่า 3. การออกกําลัง การบริหาร และนวด 4. การใช้ยา สมุนไพร และ เอนไซม์ อุจจาระตกค้าง เนื่องมาจาก 1. เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด 2. กินอาหารที่มีกากใยน้อย 3. มีพยาธิ หรือ เชื้อรา ทําให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ 4. ระบบดูดซึมเสีย เพราะน้ํามันพืชเคลือบทําให้น้ําที่ดื่มเข้าไป ไม่หมุนเวียน 5. ไม่ถ่ายอุจจาระเวลา 05.00-07.00 เช้า หากถ่ายอุจจาระ หลังเวลา 7 โมงเช้า ลําไส้จะบีบให้อุจจาระขึ้นไปข้างบนเวลาถ่าย จะถ่ายไม่หมด แต่ไม่รู้ตัว ที่ปลายลําไส้จะมีประสาทปลายทวาร เมื่อมีอุจจาระที่เหลวพอมาจ่อปลายทวาร ประสาทจะส่งสัญญานบอกสมองให้ปวดอึหลัง 7 โมงเช้า ลํา ไส้จะทํางานไม่เป็นปกติ บีบอุจจาระให้ขาดช่วงเวลาถ่ายจนรู้สึกว่าหมดแล้ว เราก็หยุด แต่ความจริง อุจจาระท้ายขบวนยังไม่ออกแต่มันถูกดันกลับขึ้นไป ไม่มาจ่อปลายทวารทําให้เราไม่ปวดอึ เราก็นึกว่าหมดแล้ว อุจจาระที่ค้างไว้นี้ก็จะเกาะที่ผนังลําไส้พอมีอุจจาระใหม่ที่เหลวกว่ามันก็ แซงหน้าไปก่อน แต่มันไม่สามารถดันพวกที่ค้างแข็งให้ออกไปได้พวกที่ค้างแข็งไว้ ก็เกาะติดแน่น ฉะนั้น ทุกวันที่ถ่าย มันก็ถ่ายเฉพาะอึที่เหลวพอส่วนที่เหลือ ก็เกาะไปเรื่อย ๆอุจจาระตกค้างจะไปทับเส้นเลือดต่างๆ ใน กระเพาะและ กดทับกระดูกหลัง ทําให้เกิดอาการมากมายเช่นท้องอืด ปวดหลังปวดขา ปวดกล้ามเนื้อที่ไหล่และสะบัก เวียนหัวอ่อนเ